วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

 กรณีศึกษาเรื่อง "การฝึกปลาให้กินเนื้อกุ้ง"

เป็นระยะเวลานานอยู่เหมือนกัน ที่ก่อนหน้านี่ผมให้ “เหยื่อเป็น” (ตัวอย่างเช่น กบ หนอนนก กุ้งฝอย จิ้งหรีด และอื่นๆ) เป็นอาหารของปลามังกร ไม่ว่าจะเป็นตัวใหญ่ หรือตัวเล็ก แต่ละวันการเลี้ยงปลาก็ทำให้ผมต้องเบียดเบียนชีวิตอื่นอยู่อย่างไม่ขาด ใช่ครับ แรกๆ ผมยอมรับว่าให้กินด้วยความสนุกสนาน ไม่ได้สนใจเรื่องบาปบุญเท่าไหร่นัก แต่มาช่วงหลัง ยอมรับว่าแม้จะเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่ถ้าเราเลี่ยงได้ มันก็ดี อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อความสบายใจในการเลี้ยงระยะยาว แล้วผมก็เริ่มเปลี่ยนวิธีมาเป็นการให้กิน “กุ้งฝอย” แช่แข็งแทน ซื้อจะซื้อกุ้งตายมาจากตลาดคลองเตย ให้อยู่นานเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็พบว่า มันไม่ได้ตายหมด ยังมีหลายตัวที่ยังมีลมหายใจก่อนถูกนำเข้าสู่ช่องฟรีซ





จากการเลี้ยงที่ผ่านมาผมเลี้ยงปลามาหลายตัวแล้วครับ ถ้าคุณจะเปลี่ยนอาหารของปลามังกรนั้นช่างยากเหลือเกิน เพราะเวลาที่คุณให้อาหารตอนแรกๆอาจจะเป็นอาหารเป็นๆว่ายน้ำอยู่หรือไม่ก็ขยับไปมาได้อยู่ อยู่เฉื่อยๆๆจะไปให้ปลากินอาหารที่ไม่มีการเคลื่อนไหวนั้นยากมากเลยครับ อาจจะต้องใช้เวลานานหลายวันกันเลยครับกว่าปลาที่คุณเลี้ยงถึงจะปรับตัวมากินอาหารแบบเนื้อที่ตายแล้ว เช่น เนื้อกุ้ง




สรุป พอปลาของคุณเริ่มกินอาหาร "เนื้อกุ้ง" ต่อไปคุณให้อาหารประเภทอาหารที่เป็นเหยื่อตายแล้วไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตวอะไรปลาคุณก็จะกินได้ไม่ยากแล้วครับ ด้วยความเคยชินของการกินอาหารของปลา 

  อ้างอิงมาจาก  aro4u.com












อาหารของปลามังกรที่ผู้เลี้ยงนิยมให้
อาหารที่นิยมให้มี 4  อย่างก็คือ กุ้งฝอย หนอนนก จิ้งหรีด และลูกปลาเล็ก แต่จริงๆ แล้วปลาชนิดนี้สามารถกินอาหารได้หลายอย่างโดยแบ่งออกหมวดหมู่ได้ 7 ชนิดดังต่อไปนี้..
1. แมลง มีหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น จิ้งหรีด หนอนนก แมลงสาบ ตั๊กแตน การให้อาหารประเภทแมลงมีข้อดีคือปลาชอบกิน ย่อยง่าย และแมลงส่วนใหญ่จะลอยน้ำทำให้ปลากินง่ายไม่ต้องว่ายหาหรือไล่ล่าในตู้ แต่ก็มีข้อเสียด้วยเช่นกันก็คือของเสียจากปลาจะมี “เปลือก” ออกมาด้วยเช่นเปลือกหนอน ปีกจิ้งหรีด และส่วนอื่นๆ ซึ่งเศษของเสียพวกนี้จะลอยน้ำแล้วเกาะตัวเป็นคราบ หากไม่มีการขัดถูตู้เป็นประจำปล่อยไว้นานเข้าเปลือกเหล่านี้จะฝังตัวแน่นเข้ากับตู้ทำให้ตู้สกปรกไม่น่ามอง ในท้องตลาดทั่วๆ ไปจะมีหนอนนกและจิ้งหรีดขายเป็นประจำโดยราคาของหนอนนกจะอยู่ที่ประมาณขีดละ 10-30 บาท ส่วนจิ้งหรีดก็จะขายเป็นถุงๆ ละ 30-50 บาท

หนอนนกมีสองแบบ 1.หนอนนกตัวเล็ก

                          2.หนอนนกตัวใหญ่  หรือ หนอนยักษ์

                                ประเภทที่ 2 หนอกนกใหญ่ หรือ เรียกว่า หนอนยักษ์
  
                   
                                จิ้งหรีด มี2 พันธ์ คือ จิ้งหรีดแดง กับ จิ้งหรีดดำ

2. สัตว์เล็ก เช่น ไรทะเล กุ้งฝอย และลูกกบ ในส่วนของ “กุ้งฝอย” หากฝึกให้ปลากินได้เป็นประจำก็จะเป็นผลดีทำให้ปลามีสีสันที่ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปลามังกรแดง ส่วน “ลูกกบ” ปลาบางตัวก็ชอบ บางตัวก็ไม่ชอบนะครับ ส่วนใหญ่แล้วลูกกบมักจะเป็นเหยื่อที่ปลากินได้ไม่นาน กินไม่ประจำ แรกๆ อาจจะชอบแต่พอซักพักก็จะเริ่มเบื่อและกินน้อยลง ลูกกบเป็นเหยื่อปลาที่ค่อนข้างมีราคาสูงคือขายกันที่ตัวนึงประมาณ 2-5 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนการซื้อ) 

3. ลูกปลา นอกจากพวกแมลงและสัตว์เล็กแล้วก็ยังมีพวกปลาเล็กๆ อีกด้วย เช่น ปลาสอด ปลาหางนกยูง ปลากัด ปลานิล ปลาทอง การให้อาหารประเภทลูกปลามีข้อดีคือปลาโตเร็ว สีสันสวยงาม และกระตือรือร้นสม่ำเสมอเนื่องจากได้ไล่ล่าลูกปลาเป็นประจำ แต่การให้ปลาเหยื่อเป็นอาหารก็มีข้อเสียเช่นกันคือ ปลาบางตัวอาจมีโรคติดมาและเมื่อปลามังกรกินเข้าไปแล้วก็มีอาจผลให้ได้รับเชื้อนั้นด้วย อีกเรื่องคือ “ปรสิต” ที่ติดมาไม่ว่าจะเป็นเห็บ หรือ หนอนสมอ (หากหลีกเลี่ยงจากการใช้เหยื่อประเภทนี้ไม่ได้ผมแนะนำให้ล้างลูกปลาเหล่านี้ด้วย “น้ำผสมด่างทับทิม” จางๆ ซักรอบและล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนใช้อีกครั้งเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคและกำจัดปรสิต การผสมด่างทับทิมเข้มข้นเกินไปมีผลทำให้ลูกปลาตายอย่าลืมระวังที่จุดนี้ด้วยนะครับ) 

4. สัตว์เลื่อยคลาน อย่างเช่น จิ้งจก ตุ๊กแก กิ้งกือ… จริงๆ แล้วสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้ปลามังกรชอบกินมากแต่ติดตรงที่ว่าหายากมีไม่มากนัก ไม่มีขายตามท้องตลาดใครที่คิดจะให้ก็ต้องขยันจับกันหน่อย ผมเคยได้ยินว่าการให้เหยื่อพวกนี้แล้วสีปลาจะดีขึ้น แต่จากที่ทดลองแล้วผลปรากฏว่าไม่ได้มีผลเรื่องสีมากนัก จากที่ไม่แดงก็ไม่ได้แดงขึ้นเท่าไหร่ ส่วนตัวที่แดงอยู่แล้วก็คงเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง สำหรับ “กิ้งกือ” ผมไม่แนะนำให้ใช้เพราะมีการพิสูจน์แล้วว่ามีพิษ หากให้ปลากินเป็นประจำอาจมีผลร้ายในระยะยาวได้

5. เนื้อสัตว์ ที่นิยมให้ก็มีหลายชนิดเช่น เนื้อกุ้ง เนื้อปลา เนื้อหมู หรือเนื้อชนิดอื่นๆ เหยื่อปลาชนิดนี้ผมแนะนำให้ล้างให้สะอาดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีไข่พยาธิหรือสิ่งสกปรกชนิดอื่นๆ หลงเหลืออยู่ แล้วในการให้จริงก็ควรตัดชิ้นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ จะได้กินง่ายกลืนสบายๆ... จริงๆ แล้วเนื้อสัตว์พวกนี้ไม่ค่อยเหมาะกับระบบการย่อยปลามังกรนัก (ยกเว้นเนื้อกุ้งและเนื้อปลา) การให้กินเป็นประจำอาจมีผลทำให้ระบบขับถ่ายไม่ดี อันจะเป็นที่มาของโรค “ริดสีดวง” ได้ 

6. อาหารเม็ด ข้อดีของอาหารเม็ดก็คือมีสารอาหารที่จำเป็นและวิตามินครบถ้วนซึ่งช่วยในการช่วยเพิ่มสีสันและความสมบูรณ์ให้กับตัวปลา ในท้องตลาดบ้านเรามีหลายยี่ห้ออย่างเช่นของ Hikari, Tetra และ Azoo โดยที่อาหารเม็ดเหล่านี้ถูกทำมาเพื่อสำหรับปลามังกรโดยเฉพาะ มีการแต่งกลิ่นและรูปทรงให้ดูเหมือนเป็นกุ้งหรือลูกปลาตัวเล็กๆ ทำให้ปลาสนใจมากขึ้น แต่ปกติแล้วผู้เลี้ยงปลามังกรมักไม่ค่อยให้กินอาการเม็ดกันนั่นไม่ใช่เพราะแพงหรือหาซื้อยากอะไรนะครับ แต่เพราะปลาไม่ค่อยกิน กินน้อย หรือกินได้ไม่นานแค่ระยะหนึ่งก็เลิก สำหรับคนที่ชอบเลี้ยงปลามังกร แต่ไม่มีเวลาจับหรือเลี้ยงอาหารเหยื่อเป็น ก็ควรเลี้ยงโดยใช้อาหารเม็ด แต่ก็อีกละครับเพราะปลามังกรเป็นสัตวกินเนื้อก่อนเราจะเลือกซื้อมาคนที่เขาขายมาเขาก็คงใช้เนื้อสัตวเลี้ยงเจ้าปลามังกรนี้มาเป็นแน่ เราจึงรอเวลาให้ปลาปรับตัวการกินอาหารอีกเช่นเคยนะครับ 

7. เมนูพิเศษ ปัจจุบันในท้องตลาดมีสัตว์แปลกๆ มาขายเพื่อเป็นเหยื่อให้กับปลามังกรอย่างเช่น แมงป่อง ตะขาบ หนอนยักษ์และลูกตะพาบน้ำ ทั้ง 4 อย่างนี้ถือเป็นเมนูพิเศษที่ไม่ค่อยจะเหมาะนักกับปลามังกรแต่ว่ามันก็ชอบกินมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 ชนิดแรกที่เชื่อกันว่าจะทำให้ปลามีสีสันดี สวยงาม เพราะมีสารเร่งสีตัวนั้นนี้ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ การเสนอขายเหยื่อแต่ละอย่างก็ราคาสูงมากอย่างเช่นตะขาบตัวนึงตกอยู่ที่ 50-80 บาท (ตัดเขี้ยวแล้ว) แมงป่องก็ 15-20 บาท หนอนยักษ์ (คล้ายๆ หนอนนกแต่มีขนาดใหญ่กว่าประมาณ 10-20 เท่า) ราคาตัวละ 4 บาท ส่วนลูกตะพาบก็ตัวละประมาณ 5 บาท... เมนูพิเศษที่ว่านี้เหมาะสำหรับปลาใหญ่ที่มีขนาดตั้งแต่ 1 ฟุตขึ้นไปนะครับ ในปลาเล็กไม่แนะให้ใช้ เหยื่อปลาชนิดนี้ผมถือเป็น “มื้อโอชา” ที่ให้นานๆ ทีดีกว่าครับ 


สรุป การให้อาหารปลาทุกอย่างควรผ่านการฆ่าเชื้อโรคโดยดางทับทิมสักนิดนะครับถ้าเป็นอาหารสด เพื่อความปลอดภัยของปลาท่าน 

อ้างอิงมาจาก aro4u.com












6 คำถามยอดฮิตของนักเลี้ยง ปลามังกร มือใหม่



6 คำถามยอดฮิตของนักเลี้ยงปลามังกรน่ามือใหม่ (โลกสัตว์เลี้ยง)

"อะโรวาน่า" หรือ ปลามังกร ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งปลาสวยงาม" ที่นักเลี้ยงปลาสวยงามหลายคนใฝ่ฝันอยากมีไว้ในครอบครองด้วยความสวยงามสง่าทั้งสีสัน และท่วงท่าลีลา ทำให้ปลามังกรนอกจากจะเป็นสุดยอดของปลาสวยงามแล้ว ยังกลายเป็นปลาสวยงามที่มีราคาซื้อขายแพงมาก

 สำหรับนักเลี้ยง ปลามังกร มือใหม่แล้ว คำถามในการเลี้ยงเพื่อให้ปลามีความสวยงามได้คุณภาพมักเกิดขึ้นมามากมาย วันนี้จึงขอคัดเอาคำถามยอดฮิตที่มักเกิดกับนักเลี้ยง ปลามังกร มือใหม่ มานำเสนอพร้อมคำตอบที่จะเป็นประโยชน์ให้กับคนรักปลามังกร

1.ขนาดตู้ปลาที่เหมาะสมและการเตรียมตู้ปลาต้องทำอย่างไร

         คำตอบ คือ ตู้ปลาที่ใช้เลี้ยงปลามังกร ควรมีขนาดยาวอย่างต่ำ 48 นิ้ว กว้าง 20 นิ้ว ความลึก 20 นิ้ว เนื่องจากปลามังกรเป็นปลาที่โตไว มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเดือนละ 1 นิ้ว จนกระทั่งปลามีอายุประมาณ 1 ปี – 1 ปี 6 เดือน การเจริญเติบโตจึงจะชะลอลง ดังนั้นถ้าเริ่มต้นเลี้ยงปลาในตู้เล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนขนาดตู้ไปเรื่อย ๆ คงจะไม่ดีแน่ สำหรับตู้ที่ซื้อมาใหม่ ๆ ต้องมีการล้างด้วยน้ำสะอาด 2-3 รอบ เพื่อให้แน่ใจว่าซิลิโคน หรือกาวที่ใช้ในการประกอบตู้จะไม่ละลายออกมาเจือปนกับน้ำที่จะใช้เลี้ยงปลา

2. การเตรียมน้ำที่ใช้เลี้ยง ปลามังกร ต้องเตรียมอย่างไร

         คำตอบ คือ เรื่องน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากในการเลี้ยงปลา น้ำที่ใช้หากเป็นน้ำประปาก็ต้องปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อย 3 วัน จึงจะสามารถใช้เลี้ยงปลามังกรได้ แนะนำว่าควรมีถังสำหรับเก็บน้ำไว้ จะได้นำมาใช้ได้ทันทีที่ต้องการ หรือถ้ามีเครื่องกรองคาร์บอนปล่อยให้น้ำประปาผ่านเครื่องกรองแล้วจึงนำน้ำมาใช้ เพราะกรองคาร์บอนฯ จะเป็นตัวช่วยกำจัดคลอรีนได้ แต่อย่าใส่ผงคาร์บอนลงในตู้ปลาหรือใส่ไว้ในที่รองของตู้ปลา เพราะผงคาร์บอนฯ จะมีฤทธิ์กัดปลาอย่างรุนแรง ขอเตือไว้ตรงนี้เลยถ้าไม่อยากเสียใจภายหลัง

 3. อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ในการเลี้ยง ปลามังกร ควรอยู่ที่เท่าไหร่

         คำตอบ คือ ปลามังกรเป็นปลาน้ำจืดเขตร้อน อุณหภูมิของน้ำที่ใช้เลี้ยง ปลามังกร จึงควรอุ่น ๆ พอดีๆ ประมาณ 28-31 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่กำลังเหมาะสม แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงบ้างก็ไม่มีปัญหา หากไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน

 ส่วนในฤดูหนาวหรือผู้ที่เลี้ยงปลาในห้องแอร์ก็ควรจะมี Heater ติดเอาไว้ช่วยปรับอุณหภูมิน้ำในตู้ปลาไม่ให้ลดต่ำลงเกินไป เพราะปลาอาจไม่สบายได้ 

 4. ควรใส่หินหรือตกแต่งตู้ปลาที่ใช้เลี้ยง ปลามังกร หรือไม่

         คำตอบ คือ โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ควรอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นหิน หรือกรวดเล็ก ๆ ที่ใช้รองพื้นตู้ เนื่องจากเจ้าหินพวกนี้ จะทำให้เกิดความลำบากในการดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ ก็ตาม แต่ถ้าไม่ได้ล้างทำความสะอาดหินเลยก็เท่ากับว่าสิ่งสกปรกและเชื้อโรคไม่ได้หายไปไหน  อีกทั้งยังลำบากเวลาทำความสะอาด เพราะต้องคอยเอาหินออกอย่างระมัดระวังไม่ให้ปลาตกใจอีกด้วย

 ส่วนหินก้อนใหญ่ ๆ ก็ไม่ควรใส่ เนื่องจาก ปลามังกรเป็นปลาที่ชอบพุ่ง ชอบกระโด ดังนั้นการมีหินก้อนใหญ่อยู่ในตู้ ปลามังกรอาจพุ่งชนหินจนเกิดบาดเจ็บได้ ทางที่ดีของแข็ง ๆ หรือของมีเหลี่ยม มีมุม ไม่ควรนำใส่ลงไปในตู้ปลา หากต้องการตกแต่ง ควรหาต้นไม้เล็ก ๆ ใส่ลงไปก็เพียงพอแล้ว 

5. การเปลี่ยนน้ำตู้ปลา ควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน

         คำตอบ คือ ควรเปลี่ยนอาทิตย์ละครั้ง เปลี่ยนถ่ายน้ำครั้งละประมาณ 10-20% ของตู้ปลา แต่ก็ต้องมีการดูดหรือตักเศษอาหารและของเสียในตู้ออกอยู่เสมอ ข้อดีในการเลปี่ยนน้ำในตู้บ่อย ๆ คือปลาที่ได้น้ำใหม่จะโตค่อนข้างเร็ว และสดชื่น กระปรี้กระเปร่า กินอาหารได้เยอะ อย่างไรก็ตาม น้ำที่ใช้เปลี่ยนเติมลงในตู้ปลา หากเป็นการเปลี่ยนน้ำไม่มากสามารถใช้น้ำประปาเติมได้เลย การมีคลอรีนอยู่ในน้ำบ้างก็จะช่วยฆ่าเชื้อโรคบางตัวได้เช่นกัน

6. อาการ ปลามังกร ไม่กินอาหารเป็นเพราะอะไร

         คำตอบ คือ อาการนี้ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ เนื่องจากปลามังกรหากมีอะไรมารบกวนนิดหน่อยก็จะตกใจไม่กินอาหารอยู่เป็นประจำ สาเหตุของการไม่กินอาหารมีหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การย้ายตู้ ย้ายที่อยู่  ทั้งนี้ ปลามังกร สามารถอดอาหารได้นานเป็นเดือนเลยทีเดียว ซึ่งวิธีแก้ไขก็ต้องรอสักพักให้ปลาคุ้นเคยกับตู้ หรือปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเสียก่อนไม่นานปลามังกรก็จะกินอาหารตามปกติ
         นอกจากนี้ อาการไม่สบายก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการที่ ปลามังกร ไม่กินอาหาร ดังนั้น ต้องคอยเช็คเรื่องการกระทบกระเทือนหรือประสบอุบัติเหตุ เช่น กระโดดพุ่งชนตู้จนเกล็ดหลุด ครีบหักก็อาจจะมีอาการตกใจจนไม่อยากกินอาหารได้ ต้องรอให้หายตกใจ หายเจ็บเสียก่อน ปลามังกร จึงจะกลับมากินอาหารอีกครั้ง

      สรุป   ทั้ง 6 ข้อที่ว่ามานี้ เป็นคำถามที่มักจะเกิดขึ้นกับนักเลี้ยง ปลาอะโรวาน่า หรือ ปลามังกร จึงหยิบยกมาให้อ่านกัน ทั้งนี้หลักการเลี้ยง ปลามังกร มี 2 อย่าง ที่ต้องจำ คือ คุณภาพของน้ำ และอาหารการกิน ขอเพียงแค่ใส่ใจ 2 เรื่องนี้ รับรอง ปลามังกร ของคุณจะสวย และสุขภาพดีแน่นอน

อ้างอิงมาจาก pet.kapook.com








เทคนิคอย่างง่าย..เพื่อการเลี้ยง  อโรวาน่า  ให้สง่างาม






เชื่อว่าหลายครอบครัวที่เลี้ยงปลาสวยงามอย่างอโรวาน่า จะมีคำถามขึ้นมาว่าทำไมปลาของเราจึงไม่สวยเหมือนของคนอื่นที่เขาเลี้ยงกัน ทำให้มีความอยากจะรู้ถึงปัจจัยที่มีผลต่อความเป็นไปได้ของปลาอโรวาน่า
   ปลาอโรวาน่าสายพันธุ์ต่างๆนั้น มีความสวยงามและสีสันแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของสายพันธุ์นั้นๆ การเลี้ยงอโรวาน่าให้สวยทั้งในเรื่องสีสัน รูปร่าง การว่ายน้ำ เกล็ด หนวด หรือ แม้กระทั่งการเลี้ยงให้อโรวาน่าโตเร็วล้วนแต่มีวิธีการและเทคนิค

เทคนิคการเลี้ยงปลาอโรวาน่าให้มีสีสวยขึ้นมีปัจจัยคือ

1. สภาพแวดล้อม
         1.1   สีสันของสภาพแวดล้อมภายในที่เลี้ยง สภาพแวดล้อมที่ปลาอาศัยอยู่จัดว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดมีอิทธิพลต่อสีสันของปลาโดยตรง ปลาทุกตัวมักจะปรับสีของตัวเองให้กลมกลืนเข้ากับสีสันตามธรรมชาติรอบตัว
         1.2   การเลี้ยงสีฉากหลัง การเลี้ยงปลาอโรวาน่าจึงควรจัดสภาพแวดล้อมให้มีสีเข้มเข้าไว้ ปิดไว้ที่หลังของตู้ เพื่อที่ปลาจะได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบตัว มีผู้เชี่ยวชาญบางท่านกล่าวว่ากรวดก้นตู้มีผลต่อสีสันของปลาเช่นกัน สำหรับกรวดที่นิยมนำมาใช้สำหรับเลี้ยงปลาอโรวาน่ามากที่สุด คือกรวดที่มีสีดำปนปะการังเล็กน้อยและกรวดสีน้ำตาลเข้ม โดยเฉพาะกรวดสีน้ำตาลมีผู้เลี้ยงหลายท่านให้เหตุผลว่าเหมาะสมที่จะใช้เลี้ยงอโรวาน่าทอง เพราะปลาจะปรับตัวให้เป็นสีทองเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
        1.3   แสงแดด แสงแดดมีผลต่อสีสันของปลา หากปลาได้รับแสงแดดในปริมาณที่พอเหมาะก็จะมีสีสันงดงาม ถ้าไม่ได้รับแสงแดดจะทำให้สีซีด สำหรับแสงแดดที่เหมะสมคือแสงแดดยามเช้า
        1.4   อุณหภูมิ ปลาที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตโซนร้อน อุณหภูมิของน้ำน่าจะมีผลต่อสีสันของปลา สำหรับอุณหภูมิของแหล่งน้ำในเขตโซนร้อนทั่วไปประมาณ 26-30% ในช่วงดังกล่าวจะช่วยให้ปลามีสีเข้มสดที่สุด
2. เทคนิคการเลี้ยงปลาให้มีรูปทรงสวยงาม  การแก้ไขรูปทรงของปลาอโรวาน่าให้เป็นไปตามที่ต้องการ เป็นไปไม่ได้ แต่ป้องกันไม่ให้รูปทรงของปลาเสียไปยังพอทำได้ ปัญหามักจะประสบเมื่อเลี้ยงไปปรากฏว่าปลามักเสียรูปทรง เช่น ปลากินอาหารมากเกินไปทำให้ลำตัวอ้วนมากจนดูหลังค่อม วิธีป้องกันอย่าให้ปลากินอาหารมากจนเกินไป หลีกเลี่ยงการทำให้ปลาตกใจ เพราะถ้าหากปลาเกิดตกใจง่ายบ่อยๆ ทำให้ปลาหลบซ่อนตามมุม ทำให้เสียการทรงตัว ควรฝึกปลาให้เชื่องจะได้ไม่ตื่นคนง่าย ปลาที่เชื่องกับเจ้าของจะเป็นปลาที่มีรูปร่างสวยงามปราดเปรียว
3. เทคนิคการเลี้ยงปลาให้ว่ายน้ำสวย ปลาอโรวาน่าจะว่ายขนานกับผิวน้ำ ปลามีสภาพสมบูรณ์แข็งแรงเวลาว่ายน้ำครีบหางมักเบ่งบานแผ่กว้าง ปลาที่นำมาเลี้ยงในตู้เวลาว่ายน้ำครีบและหางมักจะลู่ สาเหตุเกิดจากปลาตื่นหรือตกใจกลัว สำหรับสภาพในตู้ปลาไม่ควรตกแต่งให้มีซอกมุมที่จะให้ปลาหลบบังซ่อนตัว ทำให้ปลาติดนิสัยตื่นและตกใจง่าย แต่วิธีที่ดีและได้ผลคือควรซื้อปลาที่ไม่มีลักษณะว่ายน้ำลู่จะปลอดภัยที่สุด
4. เทคนิคการเลี้ยงปลาให้หนวดสวย  ปลาที่เลี้ยงในตู้ หนวดมักจะตกหรือไม่ก็มีลักษณะบิดเบี้ยวไม่เหยียดตรง วิธีป้องกันหลีกเลี่ยงอย่าให้ปลาใช้ปากถูกับตู้กระจกบ่อยครั้งนัก นอกจากนั้นหินกรวดก้นตู้มีความสัมพันธ์กับหนวดปลา ถ้ากรวดมีขนาดใหญ่หรือมีส่วนผสมของเปลือกหอยมาก หากปลาพุ่งฮุบเหยื่อแรงๆเกิดพลาดไปชนถูกกรวดพื้นตู้หรือเศษเปลือกหอยทำให้หนวดขาดได้ ถ้าพบว่าหนวดของปลาห้อยร่องแร่งแต่ไม่ถึงกับขาด ควรตัดส่วนที่ห้อยทิ้ง ถ้าปล่อยทิ้งไว้หนวดทั้งสองจะเชื่อมต่อกัน ปลาก็จะมีหนวดคดแบบนั้นตลอดไป
อย่างไรก็ดีการเลี้ยงปลาอโรวาน่าไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะในเรื่องความสวยงามของปลาเท่านั้น การฝึกปลาหรือการเลี้ยงปลาให้มีความเชื่องไม่ตื่นตกใจง่ายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเช่นกัน เพราะจะทำให้อโรวาน่าตัวนั้นมีความสง่างามเวลาแหวกว่ายและที่สำคัญผู้เลี้ยงจได้รับความสุขจากการเลี้ยงปลาอโรวาน่าอย่างแท้จริง

สรุป การเลี้ยงปลามังกรควรใส่ใจทุกขั้นตอนเพราะความแพงของปลาแต่ตัวถ้าไม่ใส่ใจแล้วถ้าเกิดปลาเป็นโรคขึ้นมาหรือตายจะเสียดายนะครับ
   

อ้างอิงมาจาก ย่อจากเรื่อง..AROWANA  
CORNER ที่มา..AQUA  BIZ  MAGAZINE  สารคดีข่าวเพื่อชาวน้ำ ปีที่1 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมีนาคม-
เมษายน พ.ศ.2007 หน้า66-69





วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับการเลี้ยงปลามังกรให้โตเร็ว


ปลามังกรจัดเป็นปลาที่มีราคาแพงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งถ้าได้เกณฑ์มาตรฐานแล้วราคาอาจสูงถึงหลักล้านเลยทีเดียว ผู้เลี้ยงปลามังกรหลายท่านเชื่อว่า ถ้าเลี้ยงแล้วจะมีโชคลาภ จึงทำให้ความนิยมในการเลี้ยงปลามังกรไม่เคยตกลงเลย มีผู้เลี้ยงบางท่านยอมลงทุนอย่างมากเพื่อที่จะได้ปลาชนิดนี้มาเลี้ยงโดยไม่ต้องคอยลุ้นว่าเมื่อไหร่ปลามังกรตัวโตๆจะมีเกล็ดมันวาว แต่สำหรับบางท่านที่ต้องการเห็นตั้งแต่ตัวเล็กๆจนปลามังกรค่อยๆโตขึ้น เราก็มีเคล็ดลับง่ายๆในการเลี้ยงให้ปลามังกรโตเร็วและมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วยวิธีง่ายๆและมีปัจจัยหลักๆดังนี้ 

1. อาหาร 
สารอาหารที่มีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของปลามังกร คือ โปรตีน และแคลเซียม สารอาหารเหล่านี้เราหาได้จาก ปลา นั่นเอง ดังนั้นการให้ลูกปลาเป็นอาหารจะให้ผลดีที่สุด แต่ก็ควรสลับกับอาหารชนิดอื่นๆบ้าง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารชนิดนี้ควรล้างและลวกซะก่อน เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อบางชนิด บางท่านให้กินแมลงสาบเป็นอาหาร ซึ่งวิธีนี้ควรทบทวนให้ดี เพราะแมลงสาบเป็นพาหะอย่างหนึ่งที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ตัวปลา ส่วนการให้ปลากินอาหารนั้น ควรให้ในปริมาณน้อยๆแต่ให้ถี่ๆ แต่คงจะยากสำหรับคนที่ไม่มีเวลามากพอที่จะนั่งเฝ้าดูปลากินอาหารทั้งวัน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ขอแนะนำให้ฝึกปลากินอาหารให้เป็นเวลาจะดีที่สุด 

2.อากาศ 
เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปลาแข็งแรงสมบูรณ์ และทำให้ปลากินอาหารได้มากขึ้น ดังนั้นควรเปิดแอร์ปั๊มในตู้อยู่ตลอดเวลา 

3.น้ำ 
น้ำที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำประปาที่ผ่านการกรองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชม. pH ควรอยู่ที่ 6.5-6.8 ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำ 20-30% ของน้ำในตู้ทุกๆเดือน จะทำให้ปลารู้สึกสดชื่นกระตือรือร้นทันที 

4. อุณหภูมิ 
ไม่ควรปล่อยให้ต่ำเกินไป เพราะจะทำให้ปลากินอาหารได้น้อย ควรรักษาอุณหภูมิในตู้ให้คงที่ 

5.สภาพแวดล้อม 
จัดสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด จะทำให้ปลาไม่ตื่นกลัว และสามารถกินอาหารได้มากขึ้น 

6.โรคภัย 
โรคปลาจะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากผู้เลี้ยงละเลยปัจจัยทั้ง 5 ที่กล่าวมา และการสังเกตปลาเป็นโรคเบื้องต้น ให้สังเกตการกินอาหาร และการว่ายน้ำ ถ้ามีอาการช้าลงแสดงว่าปลาเริ่มเป็นโรคแล้ว ควรหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุดเพียงแค่ท่านปฏิบัติตามขั้นตอนที่กล่าวมานี้ ท่านก็จะได้เห็นปลามังกรที่โตเร็วและแข็งแรงเป็น

ผลตอบแทน

สรุปการเลี้ยงปลามังกรให้โตเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องน้ำและอาหาร
อ้างอิงมาจาก  songtoday